อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ประกาศเปิดหมู่บ้าน คืนความสุขและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน

อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ประกาศเปิดหมู่บ้าน คืนความสุขและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน

ที่ บ้านขาม ม.5 ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นายกานต์ ทองเสน ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอมัญจาคีรี เป็นประธานในพิธีเปิดหมู่บ้าน บ้านขาม ม.5 ต.สวนหม่อน “คืนความสุขและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน” เนื่องจากครบกำหนดการปิดหมู่บ้าน 14 วัน เพื่อควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส 2019 โดยมี ปลัด อบต.สวนหม่อน รองปลัด อบต.สวนหม่อน , ผอ.รพ.สต.บ้านสวนหม่อน ต.สวนหม่อน , ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และ อสม อปพร. ร่วมกิจกรรม

ผลการดำเนินการปิดหมู่บ้าน และการช่วยเหลือผู้กักตัว 14 วัน และแนวโน้มของการระบาด และตรวจสอบข้อมูลของผู้ติดเชื้อ พบว่า ผู้ติดเชื้อทั้ง 8 ราย ได้รับการรักษาตามกระบวนการที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี และปัจจุบันได้กลับมาพักพื้นร่างกายที่บ้านแล้วทุกราย แต่ยังให้แยกกักตัวสักระยะเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จากการกักตัวกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ไม่พบว่ามีการติดเชื้อเพิ่มเติม ทุกครัวเรือน ได้รับการช่วยเหลือ โดยได้รับถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารปรุงสุก ไข่สด น้ำดื่ม อุปกรณ์ป้องกันโรค และสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ จาก ที่ทำการปกครองอำเภอมัญจาคีรี อบต.สวนหม่อน รพ.สต.บ้านสวนหม่อน จากชาวบ้านในหมู่บ้าน และจากผู้มีจิตอันเป็นกุศล ทั้งภาครัฐ เอกชน เป็นไปอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถควบคุมการระบาดของโรคในหมู่บ้านได้ในที่สุด และได้กำชับให้ผู้ใหญ่บ้าน กม.อสม. และพี่น้องประชาชน ได้ช่วยกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในหมู่บ้าน ตระหนักถึงสถานการณ์ของโรค และเฝ้าระวังป้องกันตนเอง และผู้อื่นอยู่เสมอ การ์ดอย่าตก งดการจัดกิจกรรมที่มีการร่วมกลุ่มกัน และถือปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA โดยเคร่งครัด และได้ทำการปลดป้ายปิดหมู่บ้าน และยุติการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ต่อไป

สวท.ขอนแก่น

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจาะบ่อน้ำบาดาล ได้ลึกกว่า 1 พันเมตรครั้งแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจาะบ่อน้ำบาดาล ได้ลึกกว่า 1 พันเมตรครั้งแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แอ่งโคราชฯ จ.ขอนแก่น พบชั้นน้ำจืด คุณภาพดี สะอาด เตรียมนำมาใช้แก้ภัยแล้ง 

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ที่ บ้านหินขาว หมู่ที่ 15 ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการเจาะบ่อบาดาลลึก 1,000 เมตรหรือ 1 กิโลเมตรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (แอ่งนครราชสีมา-อุบลราชธานี แอ่งอุดรธานี-สกลนคร และแอ่งเลย) ซึ่งถือเป็นการเจาะบ่อน้ำบาดาลได้ในระดับความลึกที่มากที่สุดครั้งแรกของประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนายศักดิ์ดา ได้นำ E – log หรือเครื่องหยั่งธรณีฟิสิกส์หลุมเจาะ หย่อนไปในบ่อที่เปิดปากหลุม 8 นิ้ว เพื่อวัดขนาดความลึกของบ่อและเก็บข้อมูลเพื่อนำมาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถวัดได้ที่ขนาดความลึก 1,014 เมตรหรือลึกถึง 1 กิโลเมตรเศษ

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มอบนโยบายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ภายใต้การกำกับดูแลของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เร่งดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึกเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ทุกครัวเรือน ตามแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศ (ปี พ.ศ. 2561 – 2580) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงได้ดำเนิน โครงการศึกษาเพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึกพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (แอ่งนครราชสีมา-อุบลราชธานี แอ่งอุดรธานี-สกลนคร และแอ่งเลย) เพื่อเจาะหาน้ำบาดาลระดับลึก พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจาะสำรวจน้ำบาดาล ณ บ้านหินขาว ม.15 ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น และสามารถเจาะได้ลึกถึง 1,014 เมตร และพบชั้นน้ำบาดาลใหม่ ๆ หลายชั้น สลับกับชั้นน้ำกร่อยและน้ำเค็ม โดยในชั้นที่พบน้ำบาดาลมากที่สุดคือ 540 – 600 เมตร สามารถนำมาใช้ได้ที่ 100 ลบ.เมตร ต่อชั่วโมง

  1.           อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อว่า ขั้นตอนจากนี้ จะมีการทำบ่อที่เจาะพบชั้นน้ำที่ระดับความลึกกว่า 1 กิโลเมตรให้เรียบร้อยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจากนี้ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลคุณภาพดี ศักยภาพสูง ขึ้นมาใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ให้กับประชาชน ใน ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน พร้อมทั้งเตรียมแผนขยายผลไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor: NeEC – Bioeconomy) ได้แก่ จ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร นครพนม บุรีรัมย์ สุรินทร์ และ ศรีสะเกษ เป็นต้น เลิกขาดน้ำ “การเจาะบ่อน้ำบาดาลที่ระดับความลึกกว่า 1 พันเมตรหรือ 1 กิโลเมตร ถือเป็นความท้าทายของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อช่วยประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจากสภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นประจำทุกปี ประกอบกับสภาพพื้นที่บริเวณกลางแอ่งรองรับด้วยชั้นเกลือหินใต้ดิน ส่งผลให้ชั้นน้ำบาดาลมีคุณภาพกร่อย-เค็มในบางพื้นที่ อาทิ จ.ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด เป็นต้น นอกจากนี้น้ำบาดาลยังกักเก็บในรอยแตกหรือรอยต่อของชั้นหินแข็งระดับลึก ภายใต้โครงสร้างทางธรณีที่ซับซ้อน ส่งผลให้การเจาะและพัฒนาน้ำบาดาลระดับตื้นมักจะไม่ประสบผลสำเร็จ มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ชาวบ้านต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำผิวดิน ซึ่งมีโอกาสเกิดการปนเปื้อนจากสารเคมีทางการเกษตรหรือแบคทีเรียได้ง่าย และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ขาดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำที่เหมาะสมต่อการอุปโภคบริโภค ทำให้ขาดความมั่นคงด้านน้ำ ขาดโอกาสที่จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น การที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สามารถเจาะน้ำบาดาลได้ในระดับความลึกมากกว่า 1พันเมตร ครั้งนี้ จะทำให้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เกษตร อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการหมดไปจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งยังสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำด้านอุปโภคบริโภค เศรษฐกิจ สังคม เกษตรกรรม และในภาคอุตสาหกรรมได้ในอนาคต”

สวท.ขอนแก่น

ผู้ว่าฯ ขอนแก่น เผยเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น น้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งทุกหน่วยหากน้ำลดลงให้เร่งสำรวจช่วยเหลือเยียวยาประชาชนโดยด่วน

ผู้ว่าฯ ขอนแก่น เผยเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น น้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งทุกหน่วยหากน้ำลดลงให้เร่งสำรวจช่วยเหลือเยียวยาประชาชนโดยด่วน

*** วันนี้ (2 พ.ย. 64) ที่ วัดวัดสระขวัญวราราม บ้านโนนสวรรค์ ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์
อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่มอบถุงยังขีพ และเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์
*** นายพยุง เหล็กดี นายอำเภออุบลรัตน์ กล่าวว่า ตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ มีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านท่าเรือ หมู่ที่ 3 , บ้านภูคำเบ้า หมู่ที่ 7, บ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 8, บ้านแก่งศิลา หมู่ที่ 9, และบ้านภูเขาวง หมู่ที่ 1
แยกความเดือดร้อนออกเป็น
1. น้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร
จำนวน 215 หลัง แยกเป็น
1.1 บ้านท่าเรือ หมู่ที่ 3
จำนวน 43 ครัวเรือน
1.2 บ้านภูคำเบ้า หมู่ที่ 7
จำนวน 59 ครัวเรือน
1.3 ถ. บ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 8 จำนวน 52 ครัวเรือน
1.4 บ้านแก่งศิลา หมู่ที่ 9 จำนวน 30 ครัวเรือน
1.5 บ้านภูเขาวง หมู่ที่ 10 จำนวน 31 ครัวเรือน
2. น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร จำนวน 237 ราย เนื้อที่ 2,715.75 ไร่ คาดว่าจะเสียหายมากกว่า 80% ทั้งนี้ต้องรอน้ำลด จึงจะสำรวจความเสียหายและหาแนวทางช่วยเหลือ
ต่อไป
3. ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบน้ำท่วมคอกสัตว์และต้องอพยพสัตว์ไปไว้ในที่สูง 306ราย แยกเป็นโค 2,556 ตัว กระบือ 118 ตัว ทั้งนี้ปศุสัตว์อำเภออุบลรัตน์ ได้ให้ความช่วยเหลือโดยฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์แล้ว จำนวน 1,900 ตัว และจัดหาฟางแห้ง จำนวน 6 ฟ่อน และพืชอาหารสัตว์ จำนวน 13,000 กิโลกรัม
*** ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมตามแนวเส้นทางของลำน้ำชี ซึ่งเป็นการรับน้ำจากจังหวัดชัยภูมิมา ขณะนี้น้ำเริ่มลดลงแล้ว มวลน้ำจากชัยภูมิซึ่งเกิดจากพายุคมปาซุ ได้ไหลผ่านเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่เมื่อวาน และมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานีวัดน้ำที่มัญจาคีรี หรือสถานีกุดกว้าง อำเภอเมือง มวลน้ำส่วนนี้ได้เข้าสู่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามเป็นที่เรียบร้อย ในส่วนที่กำลังเฝ้าระวังคือเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งในวันนี้เป็นวันแรกที่ระดับน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ ลดลง 4 ล้าน ลบ.ม. จากเมื่อวานที่มีปริมาณน้ำ 2,828 ล้าน ลบ.ม. วันนี้มีปริมาณน้ำที่ 2,824 ล้าน ลบ.ม.
*** ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ตามข้อสั่งการของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้มีการหารือร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ จังหวัดขอนแก่น กรมชลประทาน เขื่อนอุบลรัตน์ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ลดความเดือดร้อนของผู้ที่อยู่ด้านเหนือเขื่อน ดูแลความมั่นคงของเขื่อน และมีการระบายน้ำในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ท้ายเขื่อนตลอดลำน้ำพอง ไปบรรจบที่ลำน้ำชี ขณะนี้เป็นวันแรกที่น้ำลดลงมา 1 เซนติเมตร จากเมื่อวานของเขื่อนอุบลรัตน์จาก 182.99 เซนติเมตร วันนี้เหลือที่ 182.98 เซนติเมตร และจากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 คาดว่าน้ำที่ไหลเข้าสู่เขื่อนอุบลรัตน์ในวันนี้จะอยู่ที่ไม่เกิน 30 ล้าน ลบ.ม. ยังมีการระบายน้ำอยู่ที่ 31 ล้านลบ.ม. โดยเชื่อมั่นว่าในวันพรุ่งนี้ระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จะลดลงไปตามระดับ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงทางด้านการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์ มีระดับความจุที่ 2,431 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งในวันนี้อยู่ที่ 2,824 ล้าน ลบ.ม. จะทำให้พี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการทุกกิจกรรมที่ใช้น้ำ มีความมั่นคงในด้านการใช้น้ำเป็นปัจจัยในการผลิต ซึ่งถือเป็นปีทองของพี่น้องเกษตรกร และผู้ประกอบการในทุกด้าน
*** นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอำเภอ ซึ่งเมื่อระดับน้ำลดลงแล้วขอให้เร่งสำรวจเพื่อเยียวยาภัยพิบัติจากน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชน และส่งความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด และหากหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ มีปัจจัยการผลิตที่จะสนับสนุนให้กับพี่น้องประชาชนได้ประกอบอาชีพเพิ่มเติมได้ จะเร่งดำเนินการส่งต่อโดยเร็ว

#PRKHONKAEN

ถุงยังชีพชุดแรกถูกลำเลียงด้วยเรือเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่ถูกตัดขาดจากน้ำเอ่อท่วม


ถุงยังชีพชุดแรกถูกลำเลียงด้วยเรือเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่ถูกตัดขาดจากน้ำเอ่อท่วม

นายอำเภอน้ำพอง พร้อมด้วยนายประภาส คำพะแย กำนันตำบลบ้านขาม องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กิ่งกาชาดน้ำพองนำถุงยังชีพลงเรือท้องแบนจำนวน 40 ถุง เพื่อเข้าช่วยเหลือชาวบ้านโนนหนองลาด ที่ประสบภัยน้ำท่วม
ที่ชุมชนโนนหนองลาด บ้านโนนเชือก ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นายประจวบ รักแพทย์ นายอำเภอน้ำพอง พร้อมด้วยนายประภาส คำพะแย กำนันตำบลบ้านขาม องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กิ่งกาชาดน้ำพอง นำถุงยังชีพลงเรือท้องแบนจำนวน 40 ถุง เพื่อเข้าช่วยเหลือชาวบ้านโนนหนองลาด ที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้ จากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์
นายประจวบ รักแพทย์ นายอำเภอน้ำพอง เปิดเผยว่า ชุมชนบ้านโนนหนองลาด ประสบปัญหาภัยน้ำท่วมทุกครั้งที่มีการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ ที่มีการเก็บกักน้ำเกินความจุอ่าง และมีการปล่อยน้ำในปริมาณมากกว่า 35 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะส่งผลให้น้ำในห้วยอีตื๋อ ซึ่งเป็นห้วยสาขาของลำน้ำพอง ไหลย้อนกลับเอ่อเข้าท่วมในนาและทางสัญจรเข้าหมู่ แต่ปีนี้ยังไม่ท่วมภายในหมู่บ้านเหมือนปี 2564 แต่ก็สร้างความเดือดร้อนโดยชาวบ้านไม่สามารถเดินทางเข้าออกด้วยรถยนต์ทุกชนิดได้ ระดับน้ำสูงประมาณ 1.5 เมตร และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดขอนแก่นโดยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่ารากชารจังหวัดขอนแก่น จึงได้สั่งการให้นำถุงยังชีพเข้ามาช่วยเหลือ และนำเรือท้องแบนจากป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.ขอนแก่น) จำนวน 2 ลำเพื่อใช้เป็นพาหะนะเข้าออก นอกตากนั้นยังได้จัดน้ำดื่มจำนวน100 แพ็ค เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคด้วย
ด้านนายสวาท อุปฮาด ตัวแทนชาวบ้านชุมชนโนนหนองลาด เปิดเผยว่า ชุมชนอยู่ในที่ลุ่มต่ำ หากเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำมาก และปล่อยออกมาเป็นปริมาณมาก ชาวบ้านจำนวน 38 ครัวเรือน และพื้นที่นากว่าสองพันไร่จะถูกน้ำท่วม ซึ่งปีนี้ข้าวกำลังออกรวง น้ำได้เข้ามาท่วม และคาดว่าคงไม่หนักเหมือนปี 2560 แต่ก็สร้างความลำบากในการสัญจร สิ่งต้องการช่วยเหลือเร่งด่วนคือน้ำดื่ม เพราะเข้าออกยาก และต้องขอบคุณทางจังหวัด อำเภอ อบต. บ้านขาม กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้ ถือว่าเป็นชุดแรกที่เข้ามาหลังประสบปัญหาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

สวท.ขอนแก่น

มวลน้ำจาก ลำน้ำเชิญและลำน้ำพรม ที่ไหลมายัง จ.ขอนแก่น พบว่าปริมาณน้ำล้นตลิ่งเพิ่มสูงขึ้น เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนเป็นรอบที่ 2 

มวลน้ำจาก ลำน้ำเชิญและลำน้ำพรม ที่ไหลมายัง จ.ขอนแก่น พบว่าปริมาณน้ำล้นตลิ่งเพิ่มสูงขึ้น เข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนเป็นรอบที่ 2

      ที่โครงการประตูระบายลำน้ำเชิญ ตำบลโนนทอง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น นายเรืองโชค ชัยคำรงค์กุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ นายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดขอนแก่น นายสมจิตร์ เถาเมฆ นายกเทศมนตรีตำบลโนนทอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบปริมาณน้ำที่ประตูระบายน้ำลำน้ำเชิญ โดยพบว่าบริเวณเหนือประตูระบายน้ำมีปริมาณน้ำมาก ต้องทำการแขวนบานประตูทั้ง 5 บาน เพื่อให้น้ำได้ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เนื่องจากพื้นที่ตลอดลำน้ำเชิญและลำน้ำพรมในอำเภอหนองเรือ ถูกน้ำไหลเข้าท่วมรอบที่ 2 ในเดือนนี้

นายเรืองโชค ชัยคำรงค์กุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพรม-เชิญ กล่าวว่า หลังจากเขื่อนจุฬาภรณ์และเขื่อนห้วยกุ่ม จังหวัดชัยภูมิ ได้เพิ่มการระบายน้ำปริมาณมาก หลังจากได้รับอิทธิพลจากพายุ คมปาซุ จนทำให้น้ำเต็มความจุต้องมีการระบายน้ำลงมา เมื่อวันที่ 17 ถึงวันที่ 20 ต.ค. 64 ทางเขื่อนจึงได้มีการระบายน้ำลงมารวมปริมาณ 90 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ลำน้ำพรม ที่รับได้เพียง 7 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำล้นตลิ่งสูงกว่า 2 เมตร น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร ในเขตตำบลโนนทอง ส่วนการระบายน้ำเขื่อนหลังที่ได้รับมวลน้ำก้อนนี้ ทางโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (เขื่อนอุบลรัตน์) จะมีการพิจารณาการระบาย เพื่อไม่ให้กระทบกับอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ที่ขณะนี้ระดับน้ำที่คันดินกั้นน้ำใกล้ระดับถนนแล้ว

สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำ 2,698.41 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 111% โดยเขื่อนอุบลรัตน์ จะควบคุมระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ไม่ให้เกินระดับ +183 ม.(รทก) เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบของชุมชนโนนสัง และ ลดผลกระทบท้ายน้ำให้เกิดน้อยที่สุดจากการขอเพิ่มระบายจาก มติ เดิม ที่ระบายไม่เกินวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. จะปรับเพิ่มการระบาย เป็นขั้นบันได เพิ่มวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. ปรับเพิ่มการระบายสูงสุดไม่เกินวันละ 35 ล้าน ลบ.ม. โดย มติ ที่ประชุม เห็นชอบ ให้ปรับเพิ่มการระบายดังนี้ 1.วันที่ 23 ต.ค. 64 แผนระบายวันละ 28 ล้าน

2.วันที่ 24 ต.ค. 64 แผนระบายวันละ 31 ล้าน ลบ.ม.

3. วันที่ 25 ต.ค. 64 แผนระบายวันละ 34 ล้าน ลบ.ม.

4.วันที่ 25 ต.ค.64 เป็นต้นไป แผนระบายวันละ 35 ล้าน ลบ. ม.

ทั้งนี้ จะพิจารณาปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในแต่ละวันด้วย หากมีความจำเป็นจะต้องเพิ่มการระบายมากกว่าวันละ 35 ล้าน ลบ. ม. จะต้องขอมติเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น ก่อนทุกครั้ง

สวท.ขอนแก่น

ที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย มีมติให้เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปรับเพิ่มการระบายน้ำสูงสุดวันละ 20 ล้าน ลบ.ม.


ที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย มีมติให้เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปรับเพิ่มการระบายน้ำสูงสุดวันละ 20 ล้าน ลบ.ม.

มติที่ประชุมการหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3 , โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เขื่อนอุบลรัตน์) และ สำนักงานชลประทานที่ 6
ที่ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 6 จากมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ให้เขื่อนอุบลรัตน์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำได้สูงสุดวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. และหากและหากเขื่อนอุบลรัตน์ จะปรับเพิ่มการระบายน้ำมากกว่าวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. จะต้องประชุมหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3 , โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เขื่อนอุบลรัตน์) และ สำนักงานชลประทานที่ 6
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากฝนที่ตกบริเวณเหนือเขื่อนในปริมาณมากทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเป็นจำนวนมาก ทางเขื่อนฯ จึงได้นัดหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ที่ประชุมมีมติให้ระบายน้ำแบบขั้นบันได ดังนี้
1. วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 ระบายวันละ 21 ล้าน ลบ.ม
2. วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2564 ปรับเพิ่มระบายเป็นวันละ 24 ล้าน ลบ.ม.
3. วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ระบายวันละ 25 ล้าน ลบ.ม.
โดยในการปรับลด-เพิ่มการระบายน้ำจะพิจารณาให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนด้วย เพื่อลดผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ให้น้อยที่สุด

สวท.ขอนแก่น

เขื่อนอุบลรัตน์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 15-25 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ

เขื่อนอุบลรัตน์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 15-25 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่นมีมติ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ แบบขั้นบันได วันละ 15 -25 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ

ที่ ห้องประชุมแก่นภูมิ 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสุเทพ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 9/2564 เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการระบายน้ำของ

เขื่อนอุบลรัตน์ฯ

สืบเนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ประชุมจึงมีมติปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จากมติเดิมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 64 ให้ระบายน้ำไม่เกินวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นไดเป็นวันละ 15-25 ล้าน ลบ.ม. โดยจะเริ่มปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 19 ต.ค. 64 และปรับเพิ่มเป็น 20 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 20 ตุลาคม 2564 หากเขื่อนอุบลรัตน์จะปรับเพิ่มการระบายน้ำมากกว่าวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. จะต้องประชุมหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 3 , เขื่อนอุบลรัตน์ และ สำนักงานชลประทานที่ 6 เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่วมกันก่อน จึงจะสามารถปรับเพิ่มการระบายน้ำได้

ทั้งนี้ ให้เขื่อนอุบลรัตน์ระบายน้ำสูงสุดได้ไม่เกินวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ ซึ่งในการปรับลด-เพิ่ม การระบายน้ำจะพิจารณาให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนด้วย

สวท.ขอนแก่น

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามน้ำท่วม จ.ขอนแก่น สั่งเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เน้นบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบลดผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำแล้ง 

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามน้ำท่วม จ.ขอนแก่น สั่งเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เน้นบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบลดผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำแล้ง

พลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยได้รับฟังการนำเสนอภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่น ภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำตามมาตรการ กอนช. และแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบของสำนักงานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ แนวทางการบริหารการจัดการน้ำของชลประทานและพยากรณ์อากาศในพื้นที่

จากนั้น ได้เป็นประธานกดปุ่มเพิ่มความสุข ด้วยการเปิดเดินเครื่องสูบน้ำระยะไกลเติมน้ำต้นทุนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ อ.ภูเวียง ที่ประสบปัญหาแล้งซ้ำซาก สูบน้ำจากฝายลำบอง ไปเติมในอ่างเก็บน้ำโสก-รวก และ จุดที่ 2 คือ พื้นที่ อ.ชุมแพ สูบน้ำจากฝ่ายโคก ไปเติมแหล่งเก็บกักไว้ที่สระโพนทอง ซึ่งจะใข้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 40 วัน

ต่อจากนั้น พลเอกประวิทย์

วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่วัดโพธิ์บัลลัง บ้านดอนแดง ต.ดอนหัน อ.เมือง และ ที่ วัดเทพปูรณารามหรือวัดบ้านหนองบัวดีหมี หมู่ 20 ต.ท่าพระ อ.เมือง ที่ถูกน้ำท่วมสูง ซึ่งปัจจุบันน้ำลดระดับลงแต่มีบางจุดที่ยังมีน้ำท่วมขัง และพบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน มอบถุงยังชีพรวมจำนวน 600 ชุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. กล่าวว่า รัฐบาลได้ขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคไปตลอดฤดูแล้ง โดยรัฐบาลได้จัดหาเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 28 เครื่อง เพื่อใช้ในพื้นที่ดอน ให้ประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้ และจะจัดหามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยบริเวณแม่น้ำชียังไม่คลี่คลาย โดยเขื่อนอุบลรัตน์ ได้ปรับลดการระบายน้ำเหลือวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อลดผลกระทบจากปริมาณน้ำที่ไหลจากจังหวัดขอนแก่นไปยังมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยโสธร ขณะนี้เขื่อนอุบลรัตน์ยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำร้อยละ 93 ของความจุ เหลือพื้นที่รองรับน้ำได้อีก 177 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดจะเต็มความจุในวันที่ 20 ตุลาคม จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง

สวท.ขอนแก่น

เปิดโรงพยาบาลสนาม รับกลุ่มคลัสเตอร์ อ.มัญจาคีรี 5 หมู่บ้าน

เปิดโรงพยาบาลสนาม รับกลุ่มคลัสเตอร์ อ.มัญจาคีรี 5 หมู่บ้าน

วันนี้(13ต.ค.64)

อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ได้ดำเนินมาตรการจากกรณี 2 คลัสเตอร์ (คลัสเตอร์หอพักโนนขี้เหล็กและ คลัสเตอร์ตึกผู้ป่วยหญิง) โดยการสั่งปิดหมู่บ้าน 5 หมู่บ้าน พร้อมกักตัวกลุ่มเสี่ยงประมาณ 150 หลังคาเรือน จำนวนคนกว่า 500 คน ในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ตำบลกุดเค้า 3 หมู่บ้าน ตำบลหนองแปน 2 หมู่บ้าน

และเนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น อำเภอมัญจาคีรี จึงได้เปิด รพ.สนามขนาด 114 เตียงอีกครั้งในวันนี้เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 และป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป.

………

ส.ปชส.ขอนแก่น

อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ปิดหลายหมู่บ้าน

อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

วันที่ 12 ต.ค. 2564 เวลา 13.00 – 18.00

นายกานต์ ทองเสน ปลัดอำเภอ (จพง.ปค.ชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอมัญจาคีรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ , ปลัดอำเภอ , ผอ.รพ.สต.บ้านหนองไห , หัวหน้าศูนย์สุขภาพชุมชน ต.กุดเค้า , จนท.ระบาดวิทยา รพ.มัญจาคีรี , บุคลากร ทปค.มัญจาคีรี , กำนัน ต.กุดเค้า , กำนัน ต.หนองแปน ผู้ใหญ่บ้าน ผช.ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง และสมาชิก อส.กองร้อย อส.อ.มัญจาคีรี ที่ 17 ร่วมกันจัดประชุมชาวบ้าน เพื่อชี้แจงเหตุ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเกิดคลัสเตอร์โควิด-19 ในพื้นที่ 5 หมู่บ้าน ดังนี้

1) บ้านหนองไห ม.1,ม.14 ต.หนองแปน พบผู้ติดเชื้อเบื้องต้น ATK + RT-PCR จำนวน 16 ราย จากการสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประมาณ 143 ราย 67 ครัวเรือน

2) บ้านหนองม่วง ม.12 ต.กุดเค้า พบผู้ติดเชื้อเบื้องต้น ATK + RT-PCR จำนวน 19 ราย จากการสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประมาณ 120 ราย 40 ครัวเรือน

3) บ้านหนองโน ม.5 ต.กุดเค้า พบผู้ติดเชื้อเบื้องต้น ATK + RT-PCR จำนวน 8 ราย จากการสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประมาณ 78 ราย 40 ครัวเรือน

4) บ้านหลุบคา ม.6 ต.กุดเค้า พบผู้ติดเชื้อเบื้องต้น ATK + RT-PCR จำนวน 3 ราย จากการสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประมาณ 56 ราย 38 ครัวเรือน

จากสถานการณ์ดังกล่าว ศบค.อ.มัญจาคีรี จึงกำหนดแนวทางและมาตราการในการควบคุมโรค และยับยั้งการแพร่ระบาด ดังนี้

1. ประกาศปิดหมู่บ้านทั้ง 5 หมู่บ้านชั่วคราว เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการควบคุมโรคและจำกัดวงการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด

2. จัดตั้งจุดตรวจวัดคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกหมู่บ้านอย่างเข้มงวด โดยกำหนดเส้นทางเข้าออกเพียงทางเดียว โดยสนธิกำลังจาก ฝ่ายปกครอง อสม. และ อปพร.

3. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายในหมู่บ้าน และในระดับอำเภอ เพื่อรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของที่จำเป็น

4. มอบหมาย อบต.กุดเค้า และ อบต.หนองแปน จัดทำป้ายกักตัว 14 วัน จัดหาเชือกกันแนวเขตให้ชัดเจน และจัดทำป้ายปิดทางเข้าหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 และจัดหาถุงยังชีพ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโรค มอบใหัแก่ครัวเรือนผู้กักตัว

5. อ.มอบถุงยังชีพให้แก่ครัวเรือนผู้กักตัว เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน

6. รพ.มัญจาคีรี มอบกล่องยาสามัญประจำบ้านให้แก่ครัวเรือนที่กักตัว

7. ตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกราย

8. ประชาสัมพันธ์ให้ผู้กักตัว และประชาชนในหมู่บ้าน เฝ้าระวัง สังเกตุอาการตนเอง และถือปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA โดยเคร่งครัด

Cr. นายมนัญชัย รูปต่ำ ผู้ช่วย สสอ.มัญจาคีรี